ชุมชนท้องเที่ยว ที่มีทั้งน้ำชายเลนและทะเล ปอดใหญ่ใจกลางเมือง ระยองไม่เพียงเท่านั้น ป่าโกงกาง (หรือป้าชายเลน) ยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัด ผืนป่าที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำระยองทอดยาวขนานไปกับตัวเมืองแห่งนี้ แต่เดิมเป็นป่าที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนระยองในด้านการเป็นแหล่งทรัพยากรทางอาหารจากการจับสัตว์น้ำ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบบำ ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ จึงร่วมกับเทศบาล จังหวัด และบริษัทเอกชนหลายแห่ง บูรณะพื้นที่ให้กลายเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของป่าแห่งนี้ คือ 'พระเจดีย์กลางน้ำ'เจดีย์สีขาวทรงระฆังที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ในสมัยพระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยอง เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวเรือหรือผู้โดยสารเรือที่เดินทางบริเวณนั้นได้ทราบว่าได้มาถึงระยองแล้ว (เนื่องจากสมัยโบราณ ระยองมีเพียงการเดินทางทางน้ำเป็นเส้นทางคมนาคมหลักเส้นทางเดียว)
"ไม่มีคน คนในชุมชนของพวกเราก็เดินทางมาไม่ถึงจุดนี้"
ความโดดเด่นของชุมชน
- ปี ๒๕๕๐ เริ่มก่อตั้ง "กลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำระยองและป่าชายเลน"มีสมาชิกเป็นตัวแทนจาก ๗ ชุมชน ที่อยู่รอบบริเวณป่าชายเลน โดยมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนและแม่น้ำระยอง มีการกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์ป่าชายเลนที่ชัดเจน และส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์น้ำบริเวณแม่น้ำระยองและป่าชายเลน จนถือได้ว่าเป็นชุมชนเมืองแห่งเดียวที่มีการดูแลรักษาป่าชายเลนผืนสุดท้ายในตัวเมืองระยองไว้ และยังเป็นแบบอย่างที่ดีของการทำงานร่วมกันระหว่างภาคประชาชนและองค์กรปกครองท้องถิ่น คือ เทศบาลนครระยอง
-
ปี ๒๕๖๓ กลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำระยองและและป่ชายเลน ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ ๑ (ระยอง) และเทศบาลนครระยอง ได้ร่วมกันเก็บขยะจากหุ่นดักขยะบริเวณพระเจดีย์กลางน้ำ ต. ปากน้ำ อ. เมืองระยองจ. ระยอง พบขยะเป็นจำนวนมากติดที่ทุ่นดักขยะ ส่วนใหญ่เป็นขยะขวดแก้วถุงหูหิ้ว แก้วพลาสติก และโฟม โดยนำขยะที่เก็บได้ดังกล่าวไปรึไปรึไชเดิลและขายสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่อไป
-
ถ่ายทอดองค์ความรู้และเรื่องราวการอนุรักษ์ป่าชายเลนให้กับนักเรียนในเขตเทศบาลเมืองระยองเพื่อปลูกฝังและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดแนวร่วมรุ่นต่อๆ ไป และมีความพยายามในการขยายพื้นที่ หรือกลุ่มเป้าหมายร่วม เช่นนักเรียน โรงเรียน เยาวชน
-
มีการจัดการองค์ความรู้ มีวิทยากรบรรยายในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ที่ชุมชนมีความภาคภูมิใจและสร้างโอกาสในการต่อยอดการพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
ระยะเวลาที่เริ่มต้นกิจกรรม
เริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐
กิจกรรมที่โยงคุณธรรมความดีที่ได้ทำ
- ปี ๒๕๕๒ กลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำระยองและป่าชายเลนรวมพลังพื้นภูมิปัญญารักษ์ป่าชายเลน เพื่อปลูกฝังเยาวชนสำนึกรักบ้านเกิด จึงจัดทำโครงการฟื้นภูมิปัญญารักษ์ป่าชายเลน โดยการสนับสนุนจากกองงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครระยอง ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากชาวบ้านในชุมชนต้องการปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิดและร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะผืนป้าชายเลนของชุมชนจำนวนเกือบ ๓๐๐ ไร่ ซึ่งเป็นป่าชายเลนผืนสุดท้ายที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นป่าชายเลนผืนสุดท้ายที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะฟักสัตว์น้ำวัยอ่อนหลากหลายชนิด
-
การร่วมกันตั้งกลุ่มสามล้อบริการนักท่องเที่ยวในชุมชน โดยสมาชิกในชุมชน และจะมีการแจ้งจำนวนสามล้อที่จะมาให้บริการแก่สมาชิกทราบ เพื่อมาบริการนักท่องเที่ยวในเทศกาลต่างๆ ด้วยความซื่อสัตย์ต่อการให้บริการ
-
ร่วมกันผลิตสินค้าของชุมชนจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกระเป้าที่เป็นมากกว่าแค่กระเป้า แต่เป็นผลงานศิลปะที่เกิดจากการรีไซเคิลอวนประมง ใช้ได้ทั้งไปทำงานและออกไปเที่ยว ช่องใส่ของจุใจ ดีไซน์เรียบหรูแต่แฝงความเท่ และมีการเปิดขายให้สังจองทางออนไลน์
กระบวนการขับเคลื่อนที่สำคัญ
- เน้นกลไกชุมชนที่ยึดหยุ่นทรัพยากรเปลี่ยนแปลงภายใต้การพัฒนาของอุตสาหกรรม
- ใช้การประชุมสมาชิกของชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมชุมชน
- ใช้หลักการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ
- มีความซื่อสัตย์ต่อกันและต่อผู้มาเยือน
ผลการดำเนินกิจกรรม
- สภาพแวดล้อมของชุมชนนำอยู่มากขึ้น และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน
- สมาชิกมีความรัก และความสามัคคีกันมากขึ้น
-
สมาชิกเกิดความรักและหวงแทนพื้นที่ในชุมชน และช่วยกันดูแลสภาพของสิ่งตำงๆ ในชมชนให้อยู่ในสภาพดี และมีการรายงานเรื่องเชิงลบที่เกิดขึ้นให้กับกรรมการชุมชนได้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไข
กิจกรรมที่จะทำในอนาคต หรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะทำให้เสร็จ
- จะพัฒนาการทำงานของชุมชนให้ดีขึ้น
- ทำการยกระดับให้ชุมชนมีความเข้มแข็งแบบยังยืนมีรายได้มันคง ภายใต้การทำงานด้วยความซื่อตรง และทำการขยายเครือข่ายการทำงานไปยังชุมชนอื่นๆ โดยเฉพาะการดูแลสิ่งแวดล้อมโดยคนในชุมชนเอง
หลักสำคัญที่ชุมชนใช้ในการสร้างความยั่งยืนของกิจกรรม
- ใช้การประชุมปรึกษาหารือกัน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ
- ใช้ความชื่อสัตย์ในการประกอบกิจการภายในชุมชน
- ใช้หลักความมีน้ำใจให้แก่กันและกันของสมาชิกในชุมชุมชนและต่อผู้มาเยือน