ถนนสายวัฒนธรรมงามตา ยลผ้าย้อมดินภูเขาไฟ ก่องข้าวงามจากต้นไหล
รั้วทองอุไร ไม้ใหญ่จามจุรี พืชผักสวนครัวมากมี
สามัคคีพลังบวรมีน้ำใจ หนองกองน้ำใสมีกุ้ง ปู ปลา
พึ่งพาเศรษฐกิจพอเพียง
กว่าจะมาเป็นวันนี้
ชุมชนวัดหนองคู เป็นชุมชนขนาดเล็ก ประชาชนในหมู่บ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งทำนา ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ฐานะอยู่ในขั้นยากจน กว่าจะเป็นชุมชนต้นแบบด้านคุณธรรม ฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น ต้องอาศัยระยะกว่า ๒๐ ปี โดยมีพระครูมีพระครูกิตติปริยัติคุณ เจ้าอาวาสวัดหนองคูรูปปัจจุบัน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและประชาชนในหมู่บ้าน ร่วมกันขับเคลื่อนโดยอาศัยความรัก ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชุมชน ที่สำคัญชุมชนได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ ที่ว่าการอำเภอน้ำยืน สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอน้ำยืน สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี และหน่วงงานภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เส้นทางสู่ความสำเร็จของการมาเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ
ชุมชนวัดหนองคูนั้นดำเนินการพัฒนาชุมชนให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คนในชุมชนมีรายได้ที่มั่นคง ปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไข ชุมชนกลายเป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกได้นั้นต้องอาศัยความรัก ความสามัคคี การมีส่วนร่วม ความเป็นจิตอาสาของคนในชุมชน โดยมีการใช้หลักธรรมทางศาสนา นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน จนชุมชนวัดหนองคูนั้นได้รับการคัดเลือกให้เป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ มีขั้นตอน ดังนี้
๑.สำนักงานพัฒนาชุมชนเข้ามาส่งเสริม สนับสนุนกลุ่มชุมชนให้นำทุนทางทรัพยาการที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น คือ ต้นไหลมาทำเป็นกระติบข้าว จนกลายเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน คือ “ก่องข้าวใหญ่” และนำฝ้ายที่คนในชุมชนทอขึ้นเองมาย้อมสีดินภูเขาไฟ ทอเป็นผ้าย้อมดินภูเขาไฟ เป็นกลุ่มชุมชนผลิตผ้าย้อมดินภูเขาไฟอันเป็นการสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน
๒.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานีส่งเสริม สนับสนุนให้ชุมชนวัดหนองคูที่นับถือพุทธศาสนาอยู่ก่อนแล้ว เป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ จนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๓
๓.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานีนั้นมีการส่งเสริม สนับสนุนให้จัดกิจกรรม โครงการถนนสายวัฒนธรรม และถือปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังคัดเลือกให้เป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียงเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ความท้าทาย
เนื่องจากชุมชนคุณธรรมวัดหนองคู เป็นชุมชนขนาดเล็ก จำนวนประชากรมีน้อย โครงการหรือกิจกรรมบางอย่างต้องใช้แรงงานจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชน เนื่องจากมีเจ้าอาวาสวัดเป็นหลัก มีผู้ใหญ่บ้านที่เข้มแข็ง และคนในชุมชนที่พร้อมใจกันให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น จึงสามารถนำพาหมู่บ้านหนองคู สู่หมู่บ้านที่เป็นที่รู้จักของอำเภอน้ำยืนและของจังหวัดอุบลราชธานี
ผลลัพธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น
แม้จะตั้งอยู่ในถิ่นที่ห่างไกลจากความเจริญ แต่ชุมชนคุณธรรมวัดหนองคูนั้นมีองค์ประกอบของพลัง“บวร”ครบถ้วน นั่นคือบ้าน วัด โรงเรียน ความโดดเด่นของชุมชนคือ เป็นชุมชนที่อยู่แบบเรียบง่าย ประหยัดโดยยึดหลักของเศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำศาสตร์ของพระราชามาใช้ในการดำรงชีวิต ปลอดจากอบายมุขทั้งปวง ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัด ในการประกวดหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้รับรางวัลรองชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัด เมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๑
จากการที่พัฒนาชุมชนจนได้รับรางวัลในข้างต้นนั้น ส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม กล่าวคือการกินอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต ปัญหาทางด้านอาชญากรรม หรือการทะเลาะเบาะแว้งไม่เกิดขึ้น และในงานประเพณีหรืองานมงคลในชุมชนปลอดจากการดื่มสุรา รวมถึงไม่พบการเล่นการพนัน การยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งปวง
เป้าหมายที่จะเดินต่อ
ทางชุมชนคุณธรรมวัดหนองคูนั้นมีเป้าหมายคือ ทั้งเจ้าอาวาสวัด ประธานชุมชนคุณธรรมวัดหนองคู ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารโรงเรียน รวมทั้งประชาชนในหมู่บ้าน ได้ตกลงกันว่าจะรักษาคุณงามความดี ความรัก ความสามัคคี การมีจิตอาสาและสิ่งดีๆ ทั้งหลายทั้งปวงของชุมชนที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาให้คงไว้ และพัฒนาขึ้นไปเพื่ออนาคตที่ดีของลูกหลาน และเป็นการเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบไป
ข้อมูลการติดต่อ
พระครูกิตติปริยัติคุณ เจ้าอาวาสวัดหนองคู
๐๙๗-๓๒๕๖๐๑๕
แสดงความคิดเห็น