หนองแขม หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่ออุทกภัยในช่วงฤดูฝน และความยาก ลำบากในระหว่างฤดูแล้ง แม้มีพื้นที่ไม่มาก (1,773 ไร่) แต่เป็นพื้นที่ที่ต้องโอบอุ้มพี่-น้อง ประชาชน 114 ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ (81 ครัวเรือน) ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ ให้สามารถดำรงวิถีและชีวิตแบบสังคมเกษตรกรรม ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมอันวิกฤติ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องและไม่มีแนวโน้มที่ลดลง ตรงกันข้ามนับวันแต่จะทวีความรุนแรงและ ไม่แน่นอน เกษตรกรและชุมชนจะอยู่ได้อย่างไร
หนองแขม...ฟังแต่ชื่อดูเหมือนจะดี
เมื่อได้ชื่อว่าหนองอันหมายถึงหนองน้ำ ที่สื่อถึงลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ว่า เป็นที่ลุ่ม เป็นแหล่งรวมน้ำซึ่งไหลมาจากพื้นที่สูงลงสู่พื้นที่ต่ำกว่าและท่วมขังเป็นแหล่งน้ำ บริเวณพื้นที่จึงเต็มไปด้วยพืชพรรณหลากหลายชนิด โดยเฉพาะพืชทนน้ำ หนึ่งในนั้นคือ “แขม” หนองแขมจึงเป็นชื่อเรียกพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลบ้านน้อย อำเภอโพทะเล จังหวัด พิจิตร มาตั้งแต่มีการจัดตั้งชุมชนขึ้น อดีตที่ผ่านมาชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่มีการปรับตัวให้ สอดคล้องกับวิถีธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา ผู้คนทั่วไปในแถบลุ่มแม่น้ำยมจังหวัดพิจิตรตอนล่าง จึงมีความเข้าใจและรับรู้ในเบื้องต้นว่า “หนองแขม...อุดมสมบูรณ์ หน้าน้ำหาปลา แล้ง มาปลูกข้าว” ได้รับฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นมาทันที ภาพลักษณ์ของคนและชุมชนหนองแขมจึงดู เหมือนอยู่ดีมีความสุข
กติกาชุมชน....คุณธรรมขั้นพื้นฐานของชุมชน
เรื่องที่คิดว่าง่ายแต่เมื่อเริ่มทำอย่างจริงจัง กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ผู้ใหญ่บ้าน (นางโชติกา พึงไชยวรา) และคณะกรรมการหมู่บ้านได้เริ่มเสนอแนวทางการออกกฎเกณฑ์และ/ หรือระเบียบของชุมชน ที่เรียกว่า “กติกาชุมชน” เพื่อสร้างวินัยการอยู่ร่วมกันของสมาชิก ในชุมชน อันเป็นบททดสอบแรกที่คณะกรรมการหมู่บ้านต้องเรียนรู้และสื่อสารเจตนากับ สมาชิก ด้วยเงื่อนไขทางสังคมและเศรษฐกิจหลายประการของหมู่บ้านในขณะนั้น จึงมีทั้ง สมาชิกที่เห็นพ้องและย้อนแย้ง คณะกรรมการหมู่บ้านจึงใช้กลยุทธ์การมีส่วนร่วมที่เริ่มจาก ข้อเสนอของที่ประชุมชุมชน (ประชาคม) จากเรื่องที่เป็นปัญหาจากง่ายไปหายาก ซึ่งท้าย ที่สุดชุมชนก็มี “กฎ ระเบียบของหมู่บ้านหนองแขม” แม้ต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนก็ตาม หากแต่ปัญหาสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การออกกฎ/ระเบียบ แต่อยู่ที่การบังคับใช้อย่างยุติธรรม และเสมอภาค ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากในระยะแรกที่เริ่มใช้กติกาชุมชนประชาชน บางส่วนยังไม่คุ้นชิน จึงเกิดพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจ หรือยังไม่สามารถปรับ ตัวให้สอดคล้องกับกติกาได้ ทางออกของการแก้ไขและจัดการคือการทำให้เป็นแบบอย่าง หรือตัวอย่างให้เห็น คณะกรรมการหมู่บ้านให้ข้อสรุปว่า “ทุกคนต้องช่วยกันและทำให้เป็น อย่างเดียวกัน โดยไม่เลือกว่าใครเป็นใคร....จึงจะสำเร็จ”
เกษตรคุณธรรม....การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด
จากการได้รับโอกาสให้เข้ารับการเรียนรู้และศึกษา ดูงานการพัฒนาอาชีพและ การเกษตรของผู้ใหญ่บ้าน (นางโชติกา พึงไชยวรา) และคณะกรรมการหมู่บ้าน ในหลาก หลายสาขา ทำให้ทุกคนลงความเห็นร่วมกันว่าการเรียนรู้จากการนำมาทดลอง และปฏิบัติ จริงทำให้เกษตรกรเกิดการยอมรับได้มาก ที่สุด โดยเฉพาะการทำการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มุ่งเน้นความ ปลอดภัยจากสารเคมี และการพึ่งพาตนเองจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ อันเป็นหลัก การสำคัญของเครือข่าย “เกษตรกรคุณธรรมจังหวัดพิจิตร” ที่ได้ประกาศเจตนาร่วมกันไว้ หมู่บ้านจึงมีมติในการประชุมประชาคมเพื่อจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนขึ้น เพื่อใช้เป็นศูนย์กลาง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ เผยแพร่ข้อมูล เป็นที่ศึกษา/ถ่ายทอดความรู้ และรวบรวม ภูมิปัญญา สำหรับให้การส่งเสริม พัฒนาขีดความสามารถของคนในชุมชน หลังจากมีการดำเนินงานมาในระยะหนึ่ง ชุมชนได้สรุปบทเรียนว่าการพัฒนาอาชีพ การเกษตรนั้นเป็นการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด จำเป็นต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องกันไป เพื่อให้ เกษตรกรได้เรียนรู้เพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ผู้ใหญ่ โชติกา พึงไชยวรา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ต้องเรียนรู้ให้มาก ๆ ต้องรู้และเข้าใจทุกเรื่องที่เราทำ และต้องทดลองทำจริงให้คนในชุมชนได้เห็นและได้ทดลองทำ...ที่สำคัญต้องปรึกษาผู้รู้หรือ หน่วยงาน ซึ่งจะช่วยได้มาก” ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านหนองแขมจึงได้รับความร่วมมือจากส่วน ราชการใช้เป็นศูนย์เรียนรู้ประจำอำเภอโพทะเลแห่งหนึ่ง ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านหนองแขมได้สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงความรู้กับศูนย์เรียนรู้ อีกหลายแห่งในพื้นที่อำเภอโพทะเล ซึ่งผู้ใหญ่โชติกา พึงไชยวราได้พูดถึงกรณีนี้ว่า “ชุมชน จำเป็นต้องมีพันธะมิตรในการช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะการเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน ด้านอาชีพการเกษตร เนื่องจากชุมชนเราไม่ได้มีความรู้ทุกอย่าง เช่นการลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาสินค้ารวมถึงเรื่องการตลาดที่เรายังจำเป็นต้องมีเครือข่ายที่จะทำให้เรามีความมั่นใจ มากขึ้น” เครือข่ายการเรียนรู้และการตลาดของชุมชนบ้านหนองแขมจึงมีทั้งที่เป็นเกษตรกร ด้วยกันและภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงาน ความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของ ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านหนองแขมคือ การได้รับโอกาสให้เข้าร่วมเครือข่ายเกษตรกรคุณธรรม จังหวัดพิจิตร ผู้ใหญ่โชติกา พึงไชยวรา กล่าวว่า “วันแรกที่ได้เข้าร่วมเครือข่าย รู้สึกดีใจมาก ที่แนวทางของเครือข่ายตรงกับใจที่อยากทำ มีโอกาสได้พบกับชุมชนในเครือข่ายจากต่าง อำเภอ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก ทุกวันนี้ยังมีกิจกรรมที่ทำร่วม กันต่อเนื่องมา” บทสรุปท้ายของเครือข่ายเกษตรกรคุณธรรมคือ...การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด... คุณธรรม...นำชุมชน
ขับเคลื่อนชุมชน...งานที่ต้องต่อเนื่อง
เป้าหมายสำคัญที่ชุมชนบ้านหนองแขมมีมติ ไว้ในแผนชุมชน ประกอบด้วย 1. สร้าง “ธนาคารประชาชน” จากการพัฒนาต่อยอดกองทุนเงินฝากสะสมทรัพย์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในหมู่บ้านสร้างวินัยการเงิน ด้วยการเก็บและออมเงินสำหรับใช้จ่าย ในยามจำเป็น รวมทั้งเป็นการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรของชุมชน 2. พัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยมุ่งเป้าหมายไป ที่การส่งเสริม/สนับสนุนให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงานมากขึ้น และทุกครัวเรือน สามารถผลิตอาหารและสินค้าการเกษตรที่ปลอดภัยเพื่อการบริโภคในครัวเรือน และเหลือ จำหน่ายเป็นรายได้ หลักคิดสำคัญที่ได้จากการขับเคลื่อนสังคมคุณธรรม “เครือข่ายเกษตรกรคุณธรรม” ของคณะผู้นำชุมชนบ้านหนองแขมคือ “ก้าวไปพร้อม ๆ กัน ช่วยกันแก้ไข ทำตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง และต้องทำอย่างต่อเนื่อง

เกษตรคุณธรรมค้ำจุนชีวิตบ้านหนองแขม
อ.โพทะเล ต.บ้านน้อย จ.พิจิตร
วันที่สร้างโพสต์ :
7 พฤษภาคม 2568
วันที่อัปเดต :
7 พฤษภาคม 2568
จำนวนผู้เข้าชม: 5 คน
