“วัดมั่นคง ชุมชนมีศีล ขจัดสิ้นยาเสพติด

พิชิตความจนด้วยพอเพียง”

กว่าจะมาเป็นวันนี้

ชุมชนบ้านหนองยางคำ เป็นชุมชนเก่าแก่ห่างไกลความเจริญเศรษฐกิจตกต่ำการดำเนินชีวิตลำบากฐานะยากจน ขาดการศึกษา รัฐบาลไม่เหลียวแล สังคมแตกแยกขาดความสามัคคีเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ขาดที่พึ่งทางด้านจิตใจ จนมาถึงปีพ.ศ.๒๕๕๕ ได้มีพระมาโปรด ชี้นำทางถูกบอกแนวทางเป็น ฟื้นฟูวิถีชีวิตมองเห็นคุณค่าของชีวิตทำให้ตนเองมีคุณค่า รู้จักเข้าวัดฟังธรรมนำหลักธรรมมาพัฒนาคุณภาพชีวิต กลายเป็นชุมชนที่ดีมีศีลธรรมไม่ใส่ใจยาเสพติดยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงปลอดอบายมุข

เส้นทางสู่ความสำเร็จของการมาเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ

เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ได้มีพระครูปริยัติสุวรรณวัฒน์ได้มาจำพรรษาที่วัดจำปาทองบ้านหนองยางคำ ท่านได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกิจกรรมทุกวันพระ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และจัดกิจกรรมประเพณี ๑๒ เดือนซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน โดยใช้หลักฮีต ๑๒ คอง ๑๔ เพื่อให้ชาวบ้านใช้ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงเป็นประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามให้ได้สืบสานต่อ ประกอบด้วย ๑.เดือนอ้ายบุญเข้ากรรม ๒.เดือนยี่บุญคูณลาน ๓.บุญข้าวจี่ ๔.บุญพระเวส ๕.บุญสงกรานต์ ๖.บุญบั้งไฟ ๗.บุญซำฮะ ๘.บุญเข้าพรรษา ๙.บุญข้าวประดับดิน ๑๐.บุญสลากภัติ ๑๑.บุญออกพรรษา ๑๒.บุญกฐินลอยกระทง และได้ปฏิบัติตามคองสิบสี่ ๑.ฮีตเจ้าคองขุน ๒.ฮีตท้าวคองเพีย ๓.ฮีตไพร่คองนาย ๔.ฮีตบ้านคองเมือง ๕.ฮีตปู่คองย่า ๖.ฮีตตาคองยาย ๗.ฮีตพ่อคองแม่ ๘.ฮีตใภ้คองเขย ๙.ฮีตป้าคองลุง ๑๐.ฮีตลูกคองหลาน ๑๑.ฮีตเฒ่าคองแก่ ๑๒.ฮีตปีคองเดือน ๑๓.ฮีตไร่คองนา ๑๔.ฮีตวัดคองสงฆ์

         ชุมชนบ้านหนองยางคำเคยประสบปัญหาในหลายด้าน ก่อนจะมีการรวมตัวกันเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนให้เป็นชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้พลังบวร (บ้าน วัด โรงเรียน/ส่วนราชการ) มีการประกาศเจตนารมณ์ กำหนดปัญหาที่อยากแก้ความดีที่อยากทำ วางแผนการดำเนินงานโดยอาศัยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในชุมชน

ความท้าทาย         

ปัญหาอุปสรรคชุมชนขาดความรู้ไม่มีผู้ที่มาแนะนำที่สามารถทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธา เข้าใจเข้าถึงโดนใจแบบจริงจังและจริงใจ เคยพบแต่แบบฉาบฉวยมองผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง รัฐมาช่วยแบบไฟไหม้ฟาง ปัญหาจึงเกิดขึ้นมีทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ  ปัญหาทางสังคม ปัญหาสิ่งเสพติด ปัญหาความยากจน ทะเลาะวิวาท ลักขโมย เล่นการพนัน  รายได้ไม่เพียงพอ มีหนี้สิน ความไม่เข้าใจระบบการบริหารของกลุ่มผลประโยชน์ไม่ลงตัว ไม่เข้าใจวิถีเกษตรอินทรีย์ คนในชุมชนใช้เงินเป็นที่ตั้งขาดการประสานงานเป็นอุปสรรคมากคือขาดการสนับสนุนแหล่งเงินทุน

         แก้ปัญหาสามารถก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคนั้นมาได้ด้วยอาศัยพลังบวร วัด บ้าน โรงเรียนหรือราชการ ผนึกกำลังระดมความคิดประสานกายประสานใจทุ่มเทพลังกันอย่างเต็มที่ มีการประชุมประกาศเจตนารมณ์(ข้อตกลง) ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ร่วมกำหนดเป้าหมาย “ปัญหาที่อยากแก้” และ “ความดีที่อยากทำ” สอดคล้อง ครอบคลุม คุณธรรม พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา รักษาศีล ๕ เข้าวัดฟังธรรมเป็นประจำเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ลดละเลิกอบายมุข ร่วมกันจัดทำแผนชุมชนและแผนส่งเสริมพัฒนาต่อยอดอย่างสม่ำเสมอ

ผลลัพธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น  

ชุมชนคุณธรรมวัดจำปาทอง เป็นชุมชนมีศีลได้เข้าวัดทุกวันพระ ทำให้เกิดผลทางด้านจิตใจดีมีเมตตาคุณธรรมสูง มีปรองดอง มีสามัคคี มีสมานฉันท์ มีสุข มีสันติสุข ทั้งระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน จนได้รับรางวัลที่หลากหลาย อาทิ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ การจัดนิทรรศการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์หมู่บ้านรักษาศีล ๕ (๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘)

ได้รับโล่ ชนะเลิศวัดนำพาชาวประชาเป็นสุข (๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐)

ได้รับโล่ เป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ดีเด่นระดับจังหวัดหนองคาย (๑๗ กันยายน ๒๕๖๐)

เป้าหมายที่จะเดินต่อ

มุ่งพัฒนาสู่การเป็นชุมชนต้นแบบ ๓ ด้าน

๑.ยึดมั่นในหลักธรรมของศาสนาที่นับถือ

๒.น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาชีวิต

๓.สืบสานวิถีวัฒนธรรมให้ธำรงไว้คู่ชาติไทย ส่งเสริมด้านจิตใจและสังคมด้านเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยกลุ่มครัวเรือนต้นแบบนำไปขยายผล ก็จะเป็นแรงผลักดันให้ชุมชนเกิดความสนใจและดำเนินชีวิตตามแนวทางชีวิตแบบพอเพียง โดยน้อมนำแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ภายในชุมชนซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีชีวิตที่ดี สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนสมาชิกในชุมชนเกิดสุขและเป็นแนวทางการพัฒนาการเป็นชุมชนต้นแบบต่อไป

ข้อมูลการติดต่อ

นางนลินี เสริมทรัพย์ ๐๘๙-๖๑๙-๙๓๙๑