“วิถีท่าเมือง ชีวิตติดเซ”
กว่าจะมาเป็นวันนี้
ชุมชนมีอัตลักษณ์วิถีชีวิตที่สงบเรียบง่าย “ฮักแพง เบิ่งแยงกัน” ช่วยเหลือแบ่งปัน อยู่ร่วมกันฉันท์เครือญาติ นับถือศาสนาพุทธ ดำรงรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม มีความสามัคคี จนเกิดการรวมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตที่เข้มแข็ง โดยการใช้พลังบวร เป็นกลไกและพลังในการขับเคลื่อน ด้วยการร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างสังคมคุณธรรม ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกันวิเคราะห์หาสาเหตุและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ความดีที่อยากทำ มีการดำเนินชีวิตตามหลักคุณธรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยวิถีประเพณีวัฒนธรรมของชาวอีสาน
เส้นทางสู่ความสำเร็จของการมาเป็นชุมชนต้นแบบ
ชุมชนตำบลท่าเมืองเป็นชุมชนคุณธรรมน้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวร คนในชุมชนมีส่วนร่วมแสดงเจตนารมณ์ มุ่งมั่นที่จะดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมในชุมชน ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา โดยนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยปัญญา สร้างความเข้มแข็งจากภายใน ร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ปัญหาต่างๆ ในชุมชนลดลง สังคมอยู่ดีมีสุข อยู่กันด้วยความรัก ความสามัคคี ตลอดจนมีส่วนร่วมรณรงค์ส่งเสริมคุณธรรมให้กับประชาชน ชุมชน หรือเครือข่ายอื่นๆ ซึ่งผลสำเร็จเกิดจากการที่พลังบวรในชุมชนร่วมกันส่งเสริม และพัฒนาตามกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเกิดสังคมคุณธรรมที่มีลักษณะ ดังนี้
๑.คนในชุมชนยึดมั่นปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา เกิดความสงบสุขในชุมชนปัญหาต่างๆ หรือสิ่งไม่ดีในชุมชนลดลงหรือหมดไป มีสิ่งดีงามเกิดขึ้นในชุมชน
๒.คนในชุมชนนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตทำให้ชุมชนอยู่ดีมีสุข มีความพอประมาณ รู้จักพึ่งพาตนเอง มีเหตุมีผลมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น หนี้สินลดลง
๓.คนในชุมชนสืบสานและดำเนินชีวิตตามวิถีวัฒนธรรมที่ดีงาม มีการสืบทอดศิลปวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่น พัฒนาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เช่น การแปรรูปทางการเกษตร
๔.ได้รับการยกย่องว่าเป็นชุมชนที่มีการดำเนินงานด้านจิตอาสา เพราะคนในชุมชนมีจิตใจเมตตาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นทั้งในและนอกชุมชน เข้าช่วยเหลือ หรืออํานวยความสะดวกเท่าที่สามารถทำได้ โดยไม่หวังผลตอบแทน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
ความท้าทาย
ก่อนที่จะมาเป็นชุมชนต้นแบบนั้น ชุมชนตำบลท่าเมืองได้ประสบปัญหาในหลายด้าน ได้แก่
๑.คนในชุมชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ไม่มีระบบชลประทานต้องอาศัยน้ำจากฝนเท่านั้น บางฤดูฝนแล้ง บางฤดูน้ำท่วมเสียหาย ส่งผลให้ไม่มีรายได้ ต่อมาทางรัฐบาลมีงบประมาณดำเนินการสร้างคลองระบายน้ำในพื้นที่
๒.ปัญหาความเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทำให้การเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์นั้นยากต่อการควบคุม และเฝ้าระวัง
อีกทั้งมีปัญหาในเรื่องของช่องว่างระหว่างวัยจนต้องหาวิธีในการสร้างความเข้าใจเพื่อให้สามารถหาจุดร่วมของความคิดที่แตกต่างกันได้ และมีการพัฒนาเศรษฐกิจรากฐานอันเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนกระจายความเจริญ และลดความเหลื่อมล้ำให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
ผลลัพธ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น
ชุมชนตำบลท่าเมืองได้ค้นหาอัตลักษณ์ และได้นำทุนทางวัฒนธรรมมาเพื่อจัดทำแผนพัฒนา สร้างวัฒนธรรมกินได้ สร้างรายได้แก่ชุมชน โดยได้ผลลัพธ์ที่ดี ๓ ด้าน คือ
๑.ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้ดำเนินตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร วิสาหกิจชุมชนผลิตพืชคุณภาพ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
๒.ด้านการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยชุมชนมีการอนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมประเพณี โดยมีการร่วมกลุ่มพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจักสานท้องถิ่นจากต้นกล้า สร้างรายได้ให้ครอบครัวและเป็นสินค้า OTOP
๓.ด้านการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน โดยได้รับการยกย่องเป็นชุมชนจิตอาสาดีเด่น มีแกนนำที่มีความเข้มแข็ง และมีความพร้อมที่จะร่วมขับเคลื่อนหมู่บ้าน คนในชุมชนมีความรัก ความสามัคคี เกิดความมั่นคงในชีวิต สืบสานแนวพระราชดำริ และยึดหลักกสิกรรมธรรมชาติ
เป้าหมายที่จะเดินต่อ
ชุมชนตำบลท่าเมืองมีเป้าหมายที่จะเดินต่อในอนาคตดังนี้
๑.จุดร่วมที่ตรงกับความสนใจและความต้องการ สามารถนำมากำหนดเป็นอัตลักษณ์ชุมชน
๒.การถอดบทเรียนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยเฉพาะในด้านคุณธรรม
๓.ตั้งเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน คือการค้นหาปัญหาที่อยากแก้ ความดีที่อยากทำ
๔.สร้างกลุ่มแกนนำเพื่อสามารถนำสิ่งที่มีอยู่ในชุมชนมาใช้ในการขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
๕.สร้าง และแสวงหาเครือข่ายคุณธรรมที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อน
๖.เน้นการดำเนินงานแบบร่วมคิด ร่วมทำโดยกำหนดให้มีเนื้อหาสาระ ๓ องค์ประกอบคือ ศาสนา เศรษฐกิจพอเพียง และดำเนินชีวิตอย่างมีอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย
ข้อมูลติดต่อ
นายบรรหาร สาระไทย ปราชญ์ชุมชน
๐๘๙-๕๘๒-๑๔๗๖
แสดงความคิดเห็น