community image

ลำประดาโมเดล

อ.มูลนาก ต.ลำประดา จ.พิจิตร
วันที่สร้างโพสต์ : 7 พฤษภาคม 2568
วันที่อัปเดต : 7 พฤษภาคม 2568
จำนวนผู้เข้าชม: 3 คน
cover

         ลำประดา เป็นตำบลเล็กๆ ในอำเภอบางมูลนาก คนส่วนใหญ่มีอาชีพทางการเกษตรทำนาข้าวการเกษตรเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับดิน น้ำ และอากาศเป็นอย่างมาก ชีวิตจึงมีความสัมพันธ์กับธรรมชาติ หากมองไปสองข้างถนนจะเขียวขจีไปด้วยต้นข้าว ต้นไม้ เพราะช่วงนี้เป็นฤดูกาลทำนา เป็นสังคมแห่งการเอื้ออาทร มีการช่วยเหลือแบ่งปันระหว่างญาติพี่น้องสูง รวมถึงการมีส่วนร่วมในชุมชนด้วย ถึงแม้จะน้อยลงกว่าเดิมมาก แต่ยังคงมีอยู่ นอกจากนี้ การมีวิชีวิตที่ง่ายของคนในชุมชน ซึ่งอาจดูเขยหน่อยๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ให้ทำให้ทำาวที่ทำให้ชนบทมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง

 

         ตำบลลำประดา ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพมาจากจังหวัดสระบุรี ใช้ภาษาลาวยวน มี วิถีชีวิตแบบพอเพียง อาชีพทำนาเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาก็รับจ้าง พื้นที่เป็นที่ราบลุ่มประสบ ภัยน้ำท่วมซ้ำซากและภัยแล้งขาดแคลนน้ำซ้ำซากแทบทุกปี ในอดีตชาวบ้านที่นี่อาศัยอยู่ ร่วมกันอย่างมีน้ำใจ พึ่งพาอาศัยกัน แต่ด้วยภาวะของสังคมเมืองที่แผ่เข้ามา ประกอบกับยุค โลกาภิวัฒน์การสื่อสารเทคโนโลยีต่าง ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริบทของชุมชนเป็นอย่าง มาก ทำให้เกิดกระแสทุนนิยม เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน เกิดความแตกแยกในสังคม การผลิตพืชเชิงเดี่ยวเพื่อขาย ข้าวที่เคยทำไว้กินก็ทำเพื่อขายเพิ่มพื้นที่การผลิตมากขึ้น เน้นการใช้สารเคมีทำให้เกิดผลกระทบคนในชุมชนเจ็บไข้ได้ป่วยมากขึ้น กลุ่มคนวัยแรงงาน ออกไปทำงานในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทิ้งเด็กที่เป็นลูกหลานไว้กับปู่ย่าตายาย

“ปัญหาของคนลำประดา..ใครจะแก้ไขให้?”

          ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนในชุมชนเป็นเรื่องเดิมๆ ที่หลายพื้นที่ประสบปัญหาที่ บางคนบอกว่า “ยากที่จะแก้ไข” ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ ชาวบ้านมีหนี้สินเป็น จำนวนมาก เกิดภาวะยากจน การทำนาใช้ต้นทุนในการผลิตสูง ไม่มีงานทำ ไม่มีที่ทำมา หากินเป็นของตนเองต้องเช่าพื้นที่คนอื่นทำกิน และประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านจึงถูกซ้ำเติมครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เชื่อมโยงไปถึงปัญหาด้านสังคม ส่วนใหญ่ เป็นสังคมสูงวัย ผู้สูงอายุที่ต้องเลี้ยงดูลูกหลานที่พ่อแม่ต้องไปออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้ ครอบครัวแตกแยก เกิดช่องว่างระหว่างวัย เด็กเยาวชนรวมกลุ่มกันมั่วสุ่ม ติดยาเสพติด ติดเกมส์ เล่นการพนัน และชู้สาว คนในสังคมเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม การสืบสานศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่นถูกละเลย ค่านิยมฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยใช้เงินเกินตัว รวมถึงเมื่อเป็นสังคมสูงวัย ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดภาวะพิการ เป็นผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตไม่มีคนดูแล ส่วนปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ซ้ำซาก การทำการเกษตรใช้สารเคมีเป็นอย่างมาก เพื่อให้ทันฤดูกาลผลิตและเร่งทำเงิน ให้ทันใช้ต่อการดำรงชีวิต พื้นที่ตำบลขนาดกว้างทำให้การพัฒนาด้านการคมนาคมยังไม่ สะดวกทั่วถึง ปัญหาดังกล่าวข้างต้นทำให้ชาวบ้านประสบภาวะความเครียดสูง พบผู้ป่วย จิตเวชเพิ่มขึ้น เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่ง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิต เพิ่มมากขึ้นและแนวโน้มผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลง ครอบครัวแตกแยกทำให้ขาดการดูแลที่อบอุ่น ทำให้เด็กเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม การเลี้ยงดูเด็กเล็กแบบผิดๆ เลี้ยงดูแบบตามใจ เด็กนิยม กินขนมกรุบกรอบที่ขายตามร้านค้าทั่วไปผสมผงชูรสและพฤติกรรมเด็กไม่กินผักทำให้เกิด ภาวะอ้วน ฟันผุ พัฒนาการช้า 

แนวคิดการจัดการตนเองตำบลลำประดา

         จากการทบทวนประวัติศาสตร์และการพัฒนาในอดีต ได้เห็นถึงความสำเร็จและ ความล้มเหลวในการพัฒนาในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ทำให้มองเห็นความ จำเป็นที่ประชาชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการ ที่จะต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาตามกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการพัฒนา เพื่อให้เกิดการนำ หลักคุณธรรมมาใช้ดำเนินวิถีชีวิตแบบพอเพียง คนในสังคมเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น ให้คุณค่า กับความเป็นไทย และร่วมสร้างชุมชนนิยม จากแนวคิดดังกล่าวจึงได้ตั้งคณะทำงานส่งเสริม ความเข้มแข็งของชุมชนตำบลลำประดา และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นคณะทำงานตำบลจัดการ ตนเองพร้อมกับประกาศให้ตำบลลำประดาเป็น “ตำบลจัดการตนเอง” เมื่อปี พ.ศ. 2553 ตำบลจัดการตนเองตำบลลำประดา มีแนวคิดว่า “ตำบลจัดการตนเองต้องเป็นตำบล ที่มีการจัดการทรัพยากรของชุมชน ได้แก่ คน ทุน และความรู้ โดยการมีส่วนร่วมของทุก ภาคส่วนทั้งประชาชน ท้องถิ่น ท้องที่ และส่วนราชการต่างๆ ในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน สุขภาวะ ทางร่างกาย จิตใจ ที่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชน เมื่อเกิดปัญหาที่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและสังคม ก็สามารถจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆในท้องถิ่นได้ด้วยตนเอง อย่างเท่าทันปัญหาเหมาะสมกับสถานการณ์” โดยมีเป้าหมายการพัฒนาใน 4 ด้าน ประกอบด้วย
          1. ด้านเศรษฐกิจ (เศรษฐกิจดี) เพื่อให้หนี้สินลดลงประชาชนมีอาชีพเสริม มีการ บูรณาการแหล่งทุน พัฒนาธุรกิจชุมชนครบวงจร มีผลิตภัณฑ์ชุมชน ชุมชนมีการผลิตและ ใช้สินค้าที่ผลิตขึ้นในชุมชน ชุมชนมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน ชุมชนมีการพัฒนาตาม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
         2. ด้านสิ่งแวดล้อม/โครงสร้างพื้นฐาน (สิ่งแวดล้อมดี) เพื่อให้มีศูนย์อินเตอร์เน็ต ตำบล ชุมชนมีการบริหารจัดการขยะ ประชาชนมีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอในลำคลองมี น้ำใช้ ถนนไร้ฝุ่น มีไฟสว่างรายทางและตามจุดอันตราย ลดการใช้สารเคมี เพิ่มพื้นที่สีเขียว
         3. ด้านสังคม การศึกษา ประเพณีและวัฒนธรรม (สังคมดี) เพื่อชุมชนมีโรงเรียน ของชุมชน ชุมชนมีบุคคลต้นแบบ/ปราชญ์ชาวบ้าน ชุมชนมีการฟื้นฟู อนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี ชุมชนมีความสามัคคี ครอบครัวมีความอบอุ่น/พอเพียง ชุมชนมีการรวมกลุ่ม/ ชมรมทำกิจกรรมด้านสังคมอย่างเข้มแข็ง ชุมชนมีศูนย์เด็กเล็กที่มีมาตรฐาน ประชาชนมี ส่วนร่วมในการพัฒนา
         4. ด้านสุขภาพ (สุขภาพดี) เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี ประชาชนมีการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพ/ดูแลตนเองได้ ประชาชนมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมด้านสุขภาพ ประชาชน มีการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ชุมชนมีกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขภาพ ชุมชนมีโครงการแก้ไข ปัญหาและพัฒนาสุขภาพ โรงพยาบาลตำบลมีมาตรฐาน บริการมีคุณภาพ พึ่งได้ ชุมชนมี การเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพ

ธรรมนูญตำบลลำประดาสู่การขับเคลื่อนตำบลคุณธรรม

         ธรรมนูญตำบลลำประดา เป็นข้อปฏิบัติและกฎเกณฑ์ที่อยู่ร่วมกันของคนในชุมชน เป็นแนวทางที่แก้ไขปัญหาร่วมกัน และฝ่ายท้องถิ่น ท้องที่และประชาชนได้ร่วมกันประกาศ เจตนารมณ์ในการบังคับใช้ธรรมนูญตำบล เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2558 ณ ลานโพธิ์วัด หนองสะเดา 52 องค์ความรู้พิจิตร องค์ความรู้พิจิตร 53 ธรรมนูญตำบล ตำบลลำประดา
แบ่งออกเป็น 5 หมวด ที่สำคัญ ประกอบด้วย
หมวดที่ 1 บททั่วไป เป็นส่วนแรกที่อธิบายความหมายขององค์ประกอบของธรรมนูญ ตำบล
หมวดที่ 2 เศรษฐกิจและทุนชุมชน ว่าด้วยการเศรษฐกิจและทุนในชุมชน สนับสนุน การจัดตั้งกองทุนหรือธนาคารในชุมชน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในระดับตำบลสู่การ พึ่งพาตนเองเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้
หมวดที่ 3 สังคม การศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการดูแลปัญหาทางสังคมของชุมชน ตลอดจนมีการส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น
หมวดที่ 4 ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริม สนับสนุนให้ ทุกครัวเรือน ชุมชน มีการจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลอย่างถูกวิธี รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
หมวดที่ 5 สุขภาพ ว่าด้วยการดูแลสุขภาพคนในชุมชนครอบคลุมทุกเพศทุกวัย

การเปลี่ยนแปลงชีวิตชุมชน

         จุดเด่นของตำบลลำประดา คือ ฝ่ายการเมืองท้องถิ่นยินดีให้ประชาชนทุกกลุ่มมี ส่วนร่วม ในการกำหนดนโยบายทั้งระดับหมู่บ้าน และเวทีตำบลทุกเดือนของภาคประชาชน และ อบต. คู่ขนาน เพื่อให้มีอิสระทางความคิดในการพัฒนานโยบายที่เป็นประโยชน์ของ ชาวบ้าน สังคมที่นี่มีผู้นำกลุ่มที่มีจิตสำนึกสาธารณะสามารถรวมตัวร่วมคิดร่วมทำร่วมทุน ติดตามประเมินอย่างต่อเนื่อง “ทำไมพื้นที่ตำบลของเราไม่เข้มแข็งเหมือนพื้นที่ของพื้นที่อื่น เป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับ ตัวเองปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องได้รับการแก้ไข แต่เราจะทำอย่างไรกันดี” นี่คือกลุ่มคนที่ทำเรื่อง ดีๆ แบบนี้ อยู่ในพื้นที่เรา โดยที่ไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ยินดีที่จะร่วมทำงานไปด้วยกัน ตัวอย่างโครงการจิตอาสา ที่เกิดจากประสบการณ์นายน้อย ศรีรุณ ที่เป็นเส้นเลือด ในสมองตีบและได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบางมูลนาก ด้วยความใส่ใจกันและกัน ผู้นำได้ตั้ง ข้อสังเกตถึงการช่วยเหลือเล็กน้อย การอำนวยความสะดวกบางอย่างของจิตอาสาที่มีอยู่ใน 58 องค์ความรู้พิจิตร องค์ความรู้พิจิตร 59 ชุมชนว่า น่าจะมาเป็นส่วนช่วยในการทำประโยชน์จิตอาสาให้กับผู้เจ็บไข้ได้ป่วยในชุมชน อำเภอ และภายในจังหวัดพิจิตร องค์การบริหารส่วนตำบลลำประดา สนับสนุนยานพาหนะ สงเคราะห์ในการเดินทางขนส่งผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย หรือผู้ป่วยจิตเวชที่ต้องได้รับการรักษา อย่างต่อเนื่อง ส่งเข้ารับการรักษา ในส่วนจิตอาสาด้านสาธารณสุข ได้ช่วยเหลือปฏิบัติงาน ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำประดาทุกวัน โดยได้มีการจัดเวรดูแลประชาชนที่มา ขอรับการรักษาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น การลงไม้ลงมือคนละเล็กคนละน้อยก็เป็นภาพที่ สวยงามและสมบูรณ์ได้ อุดมการณ์มุ่งมั่นของคนลำประดา การจัดเวทีประชุมต่างๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้บริหารท้องถิ่นจะต้องนั่งหัวโต๊ะนั่นเป็นพื้นที่เฉพาะ พอเป็นเวทีวาระประชาชนของคน ลำประดา พื้นที่กลางที่จัดเวทีนั้นเป็นพื้นที่ปลอดภัย สำหรับคนลำประดา ใครมีปัญหาต้อง แก้ด้วยตนเองเมื่อแก้ไขไม่ได้ก็นำเข้าเวทีกลางทุกเดือน เพราะเห็นความสำเร็จ เกิดการ ต่อยอดและเกาะเกี่ยวเกาะติด เพราะทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา คนลำประดา พอมาคุยกันแล้วก็มีปัญหาเกิดขึ้นมาให้แก้ แบ่งกันแก้ พอแก้ได้ ความศรัทธากับบารมี จะเข้ามา

 

ช่องทางติดต่อ
ติดต่อได้โดยตรง